วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ภูมิแพ้ ใครจะไปรู้ว่าเป็น ???? ภาค 2.


อาการตอนนั้นแบบว่า "เหว๋ออออ ใครจะไปเชื่อเนี่ย หลอกกินตังเราหรือเปล่าเนี่ย"

ว่าแล้วคุณหมอ ก็บอกว่า มานี่สิ ตามมาอีกห้องหนึ่ง

พอเข้าไป คุณหมอก็บอกให้นอนลง (อ้าส์งงงง คุณหมอคิดอะไรกับปั๋มเนี่ย)

แล้วคุณหมอก็ควักเอาของแข็งมาทิ่มๆแยงๆ เข้ารูของผม แล้วถามว่าเจ็บใหม ถ้าเจ็บก็บอกนะ

ผมตกใจมาก ไม่รู้จะว่ายังไง ได้แต่คิดว่าเขาคงทำอย่างนี้กับทุกคน โอยยยยยย

ผมเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว ก็เลยพูดออกไป "คุณหมอครับ เอาอะไรมาแยงรูจมูกผมอ่ะ ???"

แม่มมมมม จะถึงก้านสมอง กุใหมเนี่ย

คือแบบว่า คุณหมอ เอาเครื่องมือเป็นกล้องขนาดเล็กสอดเข้าไป ที่รูจมูกแล้วถ่าย วิดีโอ คลิปให้ผมดู

โอ้ว มายก๊อดดดด นี่ภายในรูจมูกของเราหรือนี่

คุณหมอก็บอกว่านี่ ภายในรูจมูกของคนปกติ ว่าแล้วก็กดคลิปให้ดู

ส่วนนี่ ของคุณ "เห็นใหม มันมีการอักเสป รูจมูกของคุณนั้น ปิดไปแล้วถึง 80 %"

" เหว๋ออออออ อีกแล้ววววว " แล้วคุณหมอก็บอกอีก ว่า เพราะมันเป้นอย่างนั้นทำให้ปากคุณจะแอบห้อยในบางที
เพราะมันไม่สามารถหายใจทางจมูกได้ หมอขอแนะนำ ให้เลิกสูบบุหรี่ด้วยนะ

ก่อนจะจากลา คุณหมอครับ ทำใมผมถึงเป็นล่ะครับ คุณหมอบอก มันอยู่ในยีนส์กรรมพันธุ์ของคุณน่ะ ไม่ทางพ่อก็ทางแม่ น่ะล่ะ

หมอบอก "คุณไม่ได้ผิดอะไรหรอก มันเป็นเพราะต้นตระกลูเรา"

To be continue part 3.

สาระเล็กน้อย เกี่ยวกับภูมิแพ้


โรคภูมิแพ้ คือโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งในคนปกติไม่มีปฏิกิริยานี้เกิดขึ้น ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อ ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น สารที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกินนี้เรียกว่า 'สารก่อภูมิแพ้' โรคภูมิแพ้ สามารถแบ่งได้ตามอวัยวะที่เกิดโรคได้เป็น 4 โรคคือ
1.โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ
2.โรคตาอักเสบจากภูมิแพ้
3.โรคหอบหืด
4.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง


ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ อาจมีอาการในอวัยวะเดียว หรือหลายอวัยวะร่วมกันก็ได้

โรคภูมิแพ้ จัดเป็นโรคที่พบบ่อยโรคหนึ่งในประเทศไทย จากการศึกษาอัตราความชุกของโรคในประเทศไทย มีอัตราความชุกอยู่ระหว่าง 15-45 % โดยประมาณ โดยพบโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มีอัตราชุกสูงสุดในกลุ่มโรคภูมิแพ้ นั่นหมายความว่า ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อยู่
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
โรคภูมิแพ้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ คือถ่ายทอดจากพ่อและแม่ มาสู่ลูก เหมือนภาวะอื่นๆ เช่น หัวล้าน ความสูง สีของตา เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าพ่อแม่ของคุณเป็นโรคภูมิแพ้ คุณอาจจะไม่มีอาการใดๆเลยก็ได้

โดยปกติ ถ้าพ่อหรือแม่ คนใดคนหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาศเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณ 25 % แต่ถ้าทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ ลูกที่เกิดออกมามีโอกาศเป็นโรคภูมิแพ้สูงถึง 66 % โดยเฉพาะ โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จะมีอัตราการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์สูงที่สุด

มีปัจจัยอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้..??

ถ้าคุณได้รับการถ่ายทอดโรคภูมิแพ้ทางกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ของคุณ แต่ไม่เคยสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ คุณก็จะไม่มีอาการของโรคภูมิแพ้ คุณจะต้องได้รับสารก่อภูมิแพ้ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกินในร่างกายของคุณ การได้รับสารก่อภูมิแพ้ จะต้องได้รับปริมาณมากพอ และนานพอ ที่จะกระตุ้นให้ร่างกายคุณเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว จึงทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ขึ้น อาการของคุณจะเป็นมากขึ้น เมื่อภูมิต้านทานลดต่ำลง เช่นในขณะที่คุณเข้าสู่วัยรุ่น การติดเชื้อในบริเวณต่างๆ การตั้งครรภ์ เป็นต้น
โรคภูมิแพ้หายขาดได้หรือไม่ ?

เป็นคำถามของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทุกคน ต้องการคำตอบมากที่สุด
โรคภูมิแพ้ อาจหายไปได้เอง โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ส่วนใหญ่มักไม่หายขาด โดยอาการของโรคภูมิแพ้อาจสงบลงไปช่วงหนึ่ง และมักจะกลับมาเป็นใหม่

http://umphs-umphs.blogspot.com/ เพลงเพราะๆ

women's snow boots

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

ภูมิแพ้ ใครจะไปรู้ว่าเป็น ????

ใครจะรู้ได้บ้างว่าเป็นภูมิแพ้ ผมเองก็ไม่รู้ อายุก็ 29 เข้าให้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็น ขอเล่าแล้วกันว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
อาการที่ผมได้เห็นคือ มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง เริ่มแรกเหมือนจะเห็นที่แถว บริเวณหน้าแข้งด้าน ขวา และด้านซ้าย
แบบว่ามันเป็นเหมือนผื่นคันทั่วไป เริ่มแรก ก็ไม่ได้ใส่ใจกับผื่นนี้มากเท่าไร แต่พอสักพักก็ คันมากแบบว่า สุดๆกันไปเลย ก็เลยเกามันซะ
ให้มันหายกลัดกลุ้มความคันและปลดเปลื้องอารมณ์คัน .... อ้างส์

.... พอเกาจนเลือดออกซิบๆ (ออกจริงๆ เพราะเกาแรงมาก) ก็จะหายคันไป กลายเป็นแสบแทน แต่ก็ยังดีที่ไม่คัน ยอมแสบแทน
เป็นๆ หายๆอยู่หลายปี 4-5 ปีมั้งครับเท่าที่จำได้ พอช่วงปีที่ 3-4 นั่นล่ะที่ อาการมันเริ่มมีที่อื่นแทน (เหมือนมันจะเลือกที่เกิดใหม่ได้) คือสีข้าง
หรือเรียกว่าเอว เป็นเล็ก หย่อม เดียว แต่พอเกาก็เริ่มขยาย ออก จาก แค่เริ่มไม่กี่ตุ่ม เล็กๆ เริ่มขยายวงเป็นวงกว้างมากขึ้น จนสามารถวัดขนาดได้เท่า 1 ฝ่ามือใหญ่ๆ เลย
(มันน่าจะโดนกระชับพื้นที่มั่งนะเนี่ย ^ ^) ... มือผมใหญ่มาก แต่ที่เด็ดกว่านั้น คือ มันดันมีทั้งสองข้าง นี่ซิ
ทั้ง ซ้ายและขวา เลย ..... โอ้ยเครียดดดดดดด

เคยไปหาหมอผิวหนัง หมอนิสัยดีมาก ดูแป๊บๆ ก็บอกว่า ผมแพ้เหงื่อ อากาศร้อน จะทำให้ผื่นขึ้น แล้วค้น
...... คุณหมอครับ เมิงไม่บอกกูก็รู้ว่ากูคัน ก็อาการมันออกตอนช่วงนั้นนี่
คุณหมอใจดี แนะนำว่าเอานี่ ไป ยาทา บอกแพ้เหงื่อ ไม่มีอะไรมาก ทาๆ เดี๋ยวหาย เบร็ดเสร็จ จ่ายค่ายาค่าตรวจ
กลับมาบ้าน ทายาๆ ทาเข้าไป ก็ยังไม่หาย ผ่านมา 2 ปีก็เกิด อาการเช่นนี้ เป็นๆหายๆ

บอกตามตรง บางครั้งในหลายๆครั้ง (มันแปลว่าทุกครั้งนั่นล่ะ) ตัวเราเองก็เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าที่จะถอดเสื้อต่อหน้า้ผู้อื่น (อดโรคจิตเลย)
และอายที่แสดงอาการคันออกมา แบบว่ามันค้นมากกกกกก สุดๆ จนยอมรับว่า ยอมเกาจนกลายเป็นแผลเพื่อให้มันหายไปเป็น แผลโดนเกาแทน

อยู่มาวัน 1 ในวันก่อนวันเกิดได้ไปส่งแฟนสาวไปหาหมอภูมิแพ้ ซึ่งแฟนไปหาทุกเดือนเป็นเวลาหลายปีแล้วเพราะ เป็นภูมิแพ้เกสร ดอก หญ้า
ไม่เคยคิด ว่าตัวเองจะตรวจ วันนั้นไม่รู้อะไรดลใจ เงินก็ไม่มี ก็ถามแฟนนั่นล่ะว่า ขอยืมได้ใหม อยากลองถามหมอ ว่าเรา เนี่ยเป็นอะไร
เพราะเห็นหมอท่านนี้ มีใบรับรอง และใบต่างๆมากมาย ....เย๊อะมาก แถมเหรียญอีกมากมาย (แอบคิดเล็กๆว่า วิ่ง 100เมตร แน่ๆ)
พอได้เข้าไปตรวจ

เชิญ รอที่ห้องเบอร์ 2 นะค๊ะ .......

สักพักคุณหมอก็มา

คุณหมอท่านก็พูดว่า ใหนๆ ดูหน่อยสิอาการคัน ...ดึงเสื้อขึ้นให้ หมอดูด้านขวา (อาย อ่ะ แบบว่า อายที่เป็นเช่นนี้)
หมอก็ อ้อมไปดูด้านหลังว่าเป็นใหม
แล้วจู่ๆ หมอก็พูดว่า ด้านซ้ายก็เป็นด้วยใช่ใหม ... โอ้ว พระเจ้า รู้ได้ไง ไม่ได้บอกคนรับคิวด้านหน้าด้วยนะเนี่ย

ก็เลยถามคุณหมอ ว่า ทำใมถึงรู้ว่าด้านซ้ายก็มีล่ะครับ งง มากมาย

คุณหมอ ก็เลยพูดว่า "ก็เพราะมันเป็นอาการของคนเป็นภูมิแพ้น่ะสิ" .....เหว๋ออออ ผื่นคันนรกนี่น่ะนะ (เหมือน คินดะอิจิ รู้ว่าใครเป็นคนร้ายเลย)

ปล..... เดี่ยวมาเล่าต่อครับ เมื่อยมากมาย


เพลงเพราะๆ
women's snow boots

• เรื่องหมูๆ

หมูที่เรากินเคยรู้บ้างใหมว่ามันมีหลายอย่างกว่าที่เราคิด Embarassed

ช่วงหนึ่งของชีวิตการทำงานที่ผ่านมาของผมได้เข้าร่วมทำงานกับ บริษัทผลิตสุกร จึงทำให้รู้ว่ามันมีหลายอย่างกว่าที่คิด

เมื่อก่อนถ้าจะกินหมู ก็ไปที่ตลาดไม่คิดอะไรมาก แต่พอได้มาทำ ก็แบบว่า Undecided.....โอ้ววว มายก๊อด นี่มัน...

คือว่า เล่าแบบสั้นๆ ช่วงการเลี้ยงของหมูเนี่ยมันมีตามนี้นะครับ

1. แม่ให้กำเนิดลูก 2-3 ปี คือช่วงที่แม่จะต้องให้กำเนิดลูกให้ได้ตามเป้า

ถ้าไม่ได้แล้วจะเป็นยังไง .... โดนส่งคัดทิ้ง = ขายไปชำแหละ = เชือด = ตาย <<< เพราะ แก .... ให้กำเนิดลูกได้ไม่ถึงเป้า Tongue out

2. ถ้าใน 2-3 ปี ต่อให้ถึงเป้า แต่เมื่อถึงเวลา แบบว่า ให้ที่สุด เจ้าก็รอดพ้นมาได้แล้วนะ สามารถออกลูกได้ ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ....เรามีสัมนาคุณให้ >>>> โดนส่งคัดทิ้ง = ขายไปชำแหละ = เชือด = ตาย <<< นี่หรือคือการตอบแทน ของคนเคยรักกัน Tongue out

3. ถ้าให้กำเนิดลูกได้แต่ไม่มีนมให้ .....ก็ต้อง โดนส่งคัดทิ้ง = ขายไปชำแหละ = เชือด = ตาย <<< เพราะดันไม่มีนมพอให้ลูก โอ้ววววว โน้ววววว Undecided

4. ถ้าลูก อ่อน แอ ก็ต้องเจอ แบบเดียวกันของตอนท้ายของ ทั้ง 3 อย่างตามที่เคยว่ามา Foot in mouth

แล้ว หมู คัดทิ้ง นี่มันคือยังไงล่ะ Laughing ฉันจะไปทันได้กินตอนใหน .... ผมก็ไม่รู้หรอกว่าได้กินตอนใหน แต่หมูคัดทิ้งจะมีพ่อค้ามารับถึงฟาร์ม เพื่อเอาไปขายที่ต่างจังหวัด เพราะซื้อมาในราคาถูก และหมูยอ หรือ แหนม ที่เรากินๆ กัน ก็ คือ หมูที่โดนคัดทิ้งนำมาใช้ทำนี่ล่ะครับ แถวตลาดบ้านนอกก็ มาขอรับหมูตามที่ว่า นี้ เพื่อนำไปแล่ขาย เพราะราคาไม่แพง แต่จะมี มันเย๊อะ น้ำหนัก 1 ตัวอยู่ราวๆ 190-330 กิโลซึ่ง ต่างจากหมูขุน ซึ่ง จะกำหนดไว้ที่ 100 กิโล ก็ต้อง เกิดใหม่แล้ว...โดนเชือด

ปล....รู้แล้ว ก็ จุ๊ๆ เงียบๆ ไว้ไม่อยากโดนยิงตาย

เพลงเพราะๆ
women's snow boots